Antonio Tabucchi, SOSTIENE PEREIRA, 1993
อันตอนีโอ ตาบุคคี, คำยืนยันของเปเรย์รา, นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ แปล
คำแนะนำ: หนังสือเล่มนี้เหมาะแก่การอ่านประกอบชีวิตปกติภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
๑
เราคุยกันและผมเห็นด้วยกับธนาพลว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ เราไม่ควรเรียกร้องอะไรจากใครว่าเขาทำมากทำน้อย เพราะทุกคนต่างมีบริบทของตนเอง เราควรเคารพการตัดสินใจตามเงื่อนไขหรือบริบทของแต่ละคน เช่น ใครจะตัดสินใจรายงานตัว หลบหนี หรือสู้ ก็เป็นสิทธิของเขา เราควรเคารพและให้กำลังใจกัน
—สุรพศ ทวีศักดิ์, ชี้แจงกรณีถูกพาดพิงในบทความของประวิตร โรจนพฤกษ์
ด้วยสถานการณ์ฉุกเฉินทุกวันนี้ ทำให้ฉันตั้งใจกลับมาอ่านวรรณกรรมอย่างจริงจัง
เพิ่งอ่าน “คำยืนยันของเปเรย์รา” จบอย่างรวดเร็ว (ใช้เวลาไม่กี่วัน ฉันอ่านหนังสือช้า)
บนปกหนังสือโปรยคำไว้ว่า “เรื่องราวของนักหนังสือพิมพ์อาวุโสที่ลุกขึ้นมาปกป้องอิสรภาพของชีวิตมนุษย์”
เป็นคำโปรยที่ไม่ค่อยจะตรงกับประสบการณ์การอ่านของฉันเท่าไหร่
เพราะสำหรับฉัน หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของคนผู้ดูเหมือนว่าใช้ชีวิตปกติภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ต่างคนก็ต่างตัดสินใจตามเงื่อนไขหรือบริบทของแต่ละคน อย่างที่ธนาพลว่าไว้เกี่ยวกับการเรียกตัวและจับกุมคนที่ประเทศไทย ภายใต้ระบอบที่บอกให้เราใช้ชีวิตตามปกติ ณ ขณะนี้
เรื่องเกิดในโปรตุเกส ช่วงปลายสงครามกลางเมืองสเปน และช่วงโหมโรงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง โปรตุเกสตกอยู่ใต้ระบอบเผด็จการซาลาซ่าร์ เป็นพันธมิตรกับนายพลฟรังโก้ และนาซีเยอรมนี เล่าเรื่องราวชีวิตประจำวันของเปเรย์รา นักแปลและนักหนังสือพิมพ์ ผู้เชื่อว่าวรรณคดีคือสิ่งทรงคุณค่าที่สุดของโลก เราไม่ควรเอาตัวไปยุ่งเรื่องการเมือง แต่แล้วเหตุการณ์ (คำของฟรอยด์) ที่เขาได้พบกับหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ได้พาให้เขาตั้งคำถามต่อชีวิตของตัวเอง
แต่ลักษณาการตั้งคำถาม เขาไม่ได้ตั้งอย่างนักปรัชญา ที่มาขบคิดวิเคราะห์ถึงความเปลี่ยนแปลงภายใน พรรณนาเป็นคุ้งเป็นแคว ตรงกันข้าม เขาแค่รู้สึกต่างไป แค่รู้สึกไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงตัดสินใจเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหนุ่มสาวผู้อุทิศตนให้กับการต่อสู้ทางการเมือง การตั้งคำถามเหมือนการหายใจเข้าออก มันเป็นหนึ่งเดียวกับชีวิตประจำวัน ทำอยู่โดยไม่รู้สึก แต่ก็ว่ายเวียนและหล่อเลี้ยงเขาอยู่เงียบๆ
ประเด็นนี้เองที่ฉันเห็นว่านวนิยายเรื่องนี้ถ่ายทอดได้อย่างวิเศษมันทำให้ฉันเกิดความหวัง หากแต่ไม่ใช่ความหวังลมๆ แล้งๆ ประเภท “ประชาชนจักชนะ เผด็จการจักพ่ายแพ้” แต่เป็นความหวังที่ว่า ในเงื่อนไขข้อจำกัดของแต่ละคนนั้น เป็นไปได้อยู่เสมอว่าสักวันหนึ่งในสถานการณ์ฉุกเฉิน เขาจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง “ชีวิตปกติ” ของตัวเอง ไปสู่ความยุติธรรม
ฉันมีความหวังว่า สักวัน ควายแดงอย่างฉันจะไม่เดียวดายอีกต่อไป
* * *
๒
ในหนังสือเล่มนี้ มีคนอย่างคุณหมอคาร์โดโส “นายแพทย์นักปรัชญา” เรียนจบจากฝรั่งเศส
เมื่อเขาบอกแก่เปเรย์ราว่าเขาจะออกจากประเทศโปรตุเกส เปเรย์ราทักท้วงว่าอย่าไปเลย ประชาชนต้องการคนอย่างเขา คุณหมอตอบว่า
“ไม่จริงหรอกครับ บ้านนี้เมืองนี้ไม่ได้ต้องการคนอย่างผมครับ, ด๊อกเตอร์คาร์โดโสตอบ, หรืออย่างน้อยผมก็ไม่ต้องการบ้านนี้เมืองนี้ คิดว่าไปอยู่ฝรั่งเศสดีกว่าครับ ก่อนที่ความหายนะจะมาเยือน” (๑๕๐)
มีคนอย่างมาร์ตา ผู้ศรัทธาต่อความยุติธรรมอย่างเปิดเผย “ต้องแยกให้ออกนะคะระหว่างความบ้าคลั่งและความศรัทธา, เพราะคนเรามีอุดมคติได้ เช่นว่ามนุษย์เรามีเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพ”(๓๔)
มีคนอย่างซิลวา อาจารย์มหาวิทยาลัยผู้เป็นเพื่อนของเปเรย์รา ผู้เชื่อว่าโปรตุเกสไม่เหมาะกับประชาธิปไตยแบบแองโกลแซ็กซอน “คุณยังเชื่อในความคิดเห็นของมวลชนอยู่อีกหรือ ความคิดเห็นของมวลชนนั่นมันเป็นกลลวงที่พวกแองโกล-แซ็กซอนคิดขึ้น ก็พวกอังกฤษและอเมริกานั่นแหละที่กำลังเอาขี้ปาหน้าพวกเราอยู่” (๖๕-๖๖)
มีคนอย่างบริกรเสิร์ฟอาหาร ผู้ดำเนินชีวิตปกติ แต่ฟังข่าวสงครามจากเพื่อนผู้ฟังวิทยุจากลอนดอนทุกวัน บริกรบรรยายสถานการณ์ต่อเปเรย์ราซ้ำๆ ว่า “เรื่องป่าเถื่อน”
…แต่ในหนังสือเล่มนี้ ก็มีคนอย่างพ่อค้าเนื้อชาวยิว ผู้ที่ชีวิตของเขาไม่ถูกเล่า และเขาเป็นคนแรกที่ถูกรังแก กระจกหน้าร้านแตก วันรุ่งขึ้นเขาทาสีขาวปิดชื่อร้านของเขา และลับหายไปจากชีวิตปกติของคนอื่น
เช่นเดียวกัน
ในสังคมนี้ มีคนผู้ลี้ภัยไปต่อสู้เพราะซื่อสัตย์ต่ออุดมการณ์ของตัวเอง
มีปัญญาชนที่เชื่อว่า ประเทศไทยยังไม่พร้อมจะมีประชาธิปไตย อย่าไปตามก้นฝรั่ง
มีคนธรรมดาที่เห็นดีเห็นงามกับเผด็จการทหาร เพียงเพราะรู้สึกว่าชีวิตสงบและสบาย
มีคนอีกมากมายที่ดำเนินชีวิตปกติ ทว่าเงี่ยหูฟังอย่างเศร้าสลดหรือคับแค้นใจ
…แต่ก็มีคนอย่าง “มนุษย์ป้า” ที่ออกมาท้าทายและต่อต้านเผด็จการอย่างเด็ดเดี่ยว คนที่ถูกจับตัวไป ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบอุ้มหายขึ้นรถแท็กซี่ไป กระชากกลับมาได้เพียงชื่อและอายุ คนที่ถูกซ้อมเพื่อรีดข่าวจนตายในค่ายทหารในภาคเหนือ ลับหายไปจากชีวิตปกติของพวกเรา ของพวกเราที่คอยเฝ้าติดตามว่าปัญญาชนผู้มีชื่อเสียงและมีใบหน้าจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อใด.
5 มิถุนายน 2557 — วันที่ 15 ของอุโมงค์มืด
ควายแดงเดียวดาย